เมื่อ 7 ปีที่แล้ว คอร์ทนีย์ วัย 28 ปี (นามแฝง) คิดว่าเกาหลีเป็นประเทศที่สวยงาม เมื่อเทียบกับฟิลลิปปินส์ประเทศบ้านเกิดของเขาหรือประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆใกล้เคียง เพราะที่นี่เป็นประเทศหนึ่งที่ร่ำรวยที่สุดในโลกและชาวเกาหลีในสื่อก็ดูเหมือนจะมีมารยาทที่ดี ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจที่จะเข้ามาทำงานในไปเกาหลีและใช้ชีวิตในฐานะแรงงานข้ามชาติในดินแดนที่เขาปรารถนา โดยเขาเข้ามาตั้งแต่ปี 2559
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาเข้าใจเกี่ยวกับเกาหลีในตอนแรกก็ได้พังทลายลงใน 3 ปี เพราะนายจ้างแอบขโมยเงินแห่งชาติตลอด 3 ปีของเขาไปอย่างลับๆ
คอร์ทนีย์ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารแห่งหนึ่งในโพช็อน จังหวัดคย็องกีโดเมื่อวันที่ 3 เดือนที่แล้วกล่าวว่า“นายจ้างเป็นคนโกหก (นายจ้างหญิง)” และ “เธอไม่จ่ายเงินกุกมินย็อนกึมให้ผมเลย (เงินบำนาญแห่งชาติสำหรับแรงงาน)”
เขาทำงานในอุตสาหกรรมการผลิตแห่งหนึ่งในกิมโป, คย็องกีโด มาเป็นเวลา 3 ปี โดยทำงานมีวันหยุดแค่ 2 วันต่อเดือน เวลาพักผ่อนคือช่วง 20:00 – 05:00 น. ในทุกๆวัน ซึ่งเงินเดือนที่ตอบแทนความเหน็ดเหนื่อยอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านกว่าวอน และนายจ้างก็จะหักค่าประกัน, ค่ากองทุนกุกมินย็อนกึม และอื่นๆ รวมหลายแสนวอนทุกเดือน
ตามหลักการแล้ว แรงงานต่างชาติที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 60 ปี ที่อาศัยอยู่ในเกาหลีจะต้องลงทะเบียนในโครงการเงินบำนาญแห่งชาติ (กุกมินย็อนกึม) เช่นเดียวกับแรงงานเกาหลี อย่างไรก็ตาม หากคุณลงทะเบียนในกองทุนบำนาญแห่งชาติน้อยกว่า 10 ปี คุณจะได้รับเงินคืนเป็นก้อนเมื่อออกเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดการคืนเงินแบบเหมาจ่ายเป็นการชำระเบี้ยประกันพร้อมดอกเบี้ยเป็นก้อน หากคุณขอคืนเงินและเดินทางกลับก็จะไม่สามารถรักษาสิทธิ์การเป็นสมาชิกกองทุนบำนาญแห่งชาติได้อีกต่อไป
คอร์ทนีย์ต้องเดินทางกลับบ้านเกิดจึงต้องการเงินคืนจากกองทุนบำนาญแห่งชาติแต่กลับมาพบความจริงว่านายจ้างไม่เคยชำระเบี้ยกองทุนนี้ให้กับเขาเลย และมากกว่านั้นนายจ้างยังเป็นผู้ลิบเงินก้อนนั้นเข้ากระเป๋าตัวเองเสียอีก
เขาพยายามยื่นฟ้องนายจ้างของผ่านศูนย์ช่วยเหลือแรงงานอพยพในท้องถิ่น และในปี 2020 ศาลแขวงอินชอนตัดสินว่า “นายจ้างต้องคืนเงิน 7,466,040 วอน (เงินบำนาญแห่งชาติที่ค้างชำระ) ให้กับคอร์ทนีย์” แต่ผ่านมาเกือบสองปีไม่มีวี่แววว่าจะได้รับคืนเลย
ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือตอนนี้วีซ่า E-9 ของเขาจะหมดอายุแล้วแต่เนื่องจากการฟ้องร้องยืดเยื้อ เขาพยายามต่ออายุวีซ่า แต่รัฐบาลให้ได้แค่วีซ่า G-1 ซึ่งเป็นประเภทวีซ่าที่ไม่อนุญาตให้ทำงานในประเทศ ตอนนี้เขาเองต้องหาเงินค่ารักษาพยาบาลให้พ่อที่เป็นอัมพาตครึ่งซีกที่ฟิลิปปินส์ แต่เขากลับต้องมาอยู่ในฐานะที่ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติเพราะวีซ่าที่ถืออยู่
คอร์ทนีย์ซึ่งยังคงมีเงินหลายล้านวอนที่ยังไม่ได้คืนจากการฟ้องร้องนายจ้างกล่าวว่า “การให้วีซ่า G-1 เป็นการแจ้งจากรัฐให้ออกนอกประเทศไปโดยไม่ได้รับเงินกุกมินย็อนกึมหรือเพื่อเป็นการบังคับให้เขาต้องกลายมาเป็นผีน้อยที่มิใช่แรงงานโดยชอบด้วยตามกฏหมายหรือ?”
เจ้าหน้าที่จากกระทรวงยุติธรรมอธิบายว่า “วีซ่า G-1 เป็นวีซ่าชั่วคราวที่ได้รับเมื่อจำต้องอยู่ในเกาหลีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ขอบคุณที่มา: แหล่งข่าว