โอ แจกอน (59)เกษตรกรเลี้ยงหมู 4,000 ตัวในจางซ็องกุน จอลลานัมโด (전남 장성군)
เขากล่าวว่า “เราจ้างแรงงานต่างชาติ4 คนเพื่อมาทำฟาร์มหมู แต่ 2 คนยังไม่ได้กลับเข้ามาในเกาหลีใต้อีกรอบ เนื่องจากวีซ่าของพวกเขาหมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว จริงๆแล้วก็ยังสามารถดำเนินการฟาร์มสุกรได้มากขึ้นเพราะขณะนี้แรงงานต่างชาติสองคนที่เหลือได้รับสิทธิ์ตามมาตรการขยายเวลาวีซ่าแล้ว แต่การขาดแคลนกำลังคนก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี”
เกษตรกรต้องเผชิญกับฤดูกาลทำนารอบที่ 3 หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้จะมีการเตรียมพร้อมสำหรับกำลังคน แต่เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์เหล่านี้ที่ทางรัฐบาลเกาหลีได้ขยายเวลาวีซ่าสำหรับแรงงานต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเกาหลีชั่วคราวแล้ว พอมาฟังเสียงในพื้นที่ชนบทที่ดังขึ้นเรื่อยๆ กลับพบว่ายังจำเป็นต้องมีนโยบายพื้นฐานเพื่อประกันแรงงานต่างชาติอย่างเร่งด่วน
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม กระทรวงยุติธรรม (법무부) และกระทรวงการจ้างงานและแรงงาน (고용노동부) ได้ตัดสินใจขยายระยะเวลากิจกรรมการจ้างงานสำหรับแรงงาน E-9 และ H-2 แรงงานที่ได้รับการขยายเวลาในครั้งแรกจะได้รับการขยายเวลาหนึ่งปี และผู้ที่ได้รับการขยายเวลาแล้วจะได้รับการขยายออกไปอีก 50 วัน
อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ชนบท ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลควรพยายามเพิ่มจำนวนแรงงานต่างชาติเข้ามาในประเทศมากกว่า
ทางด้านการเกษตรที่ต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตนั้นค่อนข้างจะต่างจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ซึ่งสามารถจัดส่งได้ตลอดทั้งปี สถานการณ์ของเกษตรกรที่ปลูกผักและผลไม้มีความเร่งด่วนเพราะฟาร์มเหล่านี้ต้องจ้างแรงงานต่างชาติตามฤดูกาลเป็นหลัก แต่แรงงานตามฤดูกาลจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาล่าช้า ส่งผลให้ตอนนี้พวกเขากำลังจ้างผู้อพยพผิดกฎหมายแทน
เนื่องจากไม่มีกำลังคน แรงงานต่างชาติจึงกำลังกำหนดค่าจ้างกันเอง ค่าจ้างรายวันของแรงงานต่างชาติ ซึ่งเดิมที 80,000 วอนก่อนเกิดโควิด-19 ตอนนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็น 130,000 วอน และเพิ่มถึง 150,000 วอนในทุกวันนี้
ดังนั้น เกษตรกรจึงโต้แย้งว่าควรทำให้แรงงานต่างชาติซึ่งปัจจุบันผิดกฎหมายเป็นแรงงานที่ถูกกฎหมายซะ
แต่นั่นยังค่อนข้างยาก อันที่จริง กระทรวงเกษตร อาหาร และกิจการชนบทเองก็กำลังเตรียมที่จะดำเนินการโครงการนำร่องที่จะมีการจัดส่งแรงงานตามฤดูกาลสาธารณะ (แรงงานอาราไบท์อย่างถูกกฎหมาย) อยู่ด้วยเช่นกัน
ขอบคุณที่มาจาก : แหล่งข่าว