คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกาหลีตัดสินว่าการที่ตำรวจไม่เตรียมการแปลไว้ในระหว่างการสอบสวนชาวต่างชาตินั้นถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเผยเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ถึงกรณี นาย A ชาวโมร็อกโกซึ่งแต่งงานกับหญิงสาวชาวเกาหลีในปี 2012 และอาศัยอยู่ในเกาหลีมานานกว่าแปดปีต้องทนทุกข์ทรมานกับความอยุติธรรม
เหตุเกิดเมื่อเดือนมีนาคม 2020 นาย A ทำงานขนย้ายของตามอพาร์ตเมนต์
อยู่ๆ ก็มีผู้สัญจรไปมาพบเห็น นาย A เข้า ได้เริ่มพูดจาเชิงข่มขู่ นาย A ว่า
“คุณเป็นผู้อพยพผิดกฎหมายหรือเปล่า”
จู่ๆผู้สัญจรไปมาคนนั้นก็ถือวิสาสะถ่ายรูป นาย A ไปโดยไม่ได้รับอนุญาตและส่งเรื่องรายงานเข้าไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เมื่อตำรวจมาถึงผู้สัญจรรายนั้นได้อ้างว่า นายA ผลักเขาบริเวณอกและนั่นคือทำร้ายร่างกายเขา
นาย A กล่าวว่าเขาไม่ได้ทำร้ายคนที่สัญจรไปมา แต่ตำรวจได้จับกุม นาย A ฐานผู้กระทำความผิดในเวลานั้นทันที ข้อหาคือผลักคนที่สัญจรไปมานั่นก็ถือเป็นการทำร้ายร่างกายด้วย
ในระหว่างการสอบสวนของตำรวจ นาย A เขาได้ร้องขอให้มีล่ามช่วยสื่อสารซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นระหว่างการถูกสอบสวน แต่ตำรวจไม่ยอมรับคำร้องของนาย A และทำการสอบสวนต่อโดยใช้เพียงคำพูดง่ายๆ
ในการตอบกลับ นาย A ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของเกาหลีโดยอ้างว่าเขาถูกละเมิดสิทธิและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของเกาหลีได้ตัดสินว่าตำรวจละเมิดสิทธิในความเสมอภาคและเสรีภาพทางร่างกายที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญจริง
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกาหลีชี้ว่า:
“ตำรวจสามารถระบุตัวเขาในที่เกิดเหตุได้ผ่านบัตรประชาชนของนาย A และตอนนั้นก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่นาย A จะหลบหนีได้ และเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินคดีเคลียร์ข้อกล่าวหาของนาย A แล้ว ตำรวจสามารถ เรียก นาย A เข้ามาให้การที่สถานีตำรวจได้ในภายหลังหรือสอบสวนตามคำแนะนำการขอความสมัครใจในการเข้าให้การผู้ต้องหา”
“การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนาย A ในฐานะผู้ต้องหาเลย ณ 10 นาทีให้หลังจากมาถึงที่เกิดเหตุ ถือเป็นการใช้อำนาจโดยพลการต่อประชาชนนั้นมันช่างเป็นเรื่องที่สูญเสียซึ่งความมีเหตุผล”
“แม้แต่ชาวต่างชาติที่สามารถสนทนาภาษาเกาหลีได้ทุกวันก็ควรระมัดระวังกว่านี้ และที่สำคัญอย่าบิดเบือนการสื่อสารในกระบวนการทางอาญา”
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกาหลีแนะนำให้ดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สอบสวนนาย A ทันที
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกาหลียังแนะนำให้หัวหน้าตำรวจนำล่ามเข้ามาช่วยเมื่อมีการสอบสวนชาวต่างชาติและใช้เอกสารประกอบการแปลเป็นภาษาต่างๆด้วย
ขอบคุณที่มาจาก: แหล่งข่าว